Blog Full Width

ในแต่ละวันดวงตาของคุณต้องทำงานหนักแค่ไหน ทั้งจ้องจอคอมพิวเตอร์ ทั้งพูดคุยอัพเดทข่าวสารต่างๆ ผ่านทาง Social Media ทำให้ดวงตาของคุณทำงานหนักตลอดทั้งวัน ถึงเวลาแล้วละค่ะ ที่เราต้องใส่ใจดูแลดวงตาของเราเป็นพิเศษ ด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อดวงตาโดยเฉพาะ
 
“ปวดหัว ปวดตา ตาแห้ง ตาล้า” อาการเหล่านี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นอาการยอดฮิตของคนยุคดิจิทัลที่ได้ยินคนรอบตัวบ่นเป็นประจำอยู่ทุกวัน
ที่มาของอาการเหล่านี้ก็ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องงานที่ต้องอยู่หน้าจอทั้งวันเท่านั้น แต่เพราะนอกงานก็ยังใช้ชีวิตติดจอกันจนเป็นนิสัย ทั้งตามตอบคอมเมนต์เพื่อน เมาท์ในแชท และอัพเดทข่าวสารตลอดเวลา จนทำให้รวมเวลาที่ต้องจ้องจอคอมพิวเตอร์และจอโทรศัพท์มากกว่าครึ่งของเวลาที่ใช้ไปในแต่ละวัน


ชีวิตติดจอ
ในแต่ละวันดวงตาของคุณต้องทำงานหนักแค่ไหน ทั้งจ้องจอคอมพิวเตอร์ ทั้งพูดคุยอัพเดทข่าวสารต่างๆผ่านโซเชียล เฟสบุค ไลน์ อินสตาแกรม แชท ทำให้ดวงตาของคุณทำงานหนักตลอดทั้งวัน 
 
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องใส่ใจดูแลดวงตาของเราเป็นพิเศษด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อดวงตาโดยเฉพาะ
 
อันตรายจากแสงสีฟ้าภัยเงียบยุคโซเชียล
แสงสีฟ้า เป็นคลื่นแสงพลังงานสูง สามารถกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระภายในลูกตา ส่งผลให้เซลล์ประสาทตาเสื่อม การจ้องมองแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นเวลานานๆ จะก่อให้เกิดอาหารปวดตา ตาแห้ง พร่ามัว น้ำตาไหล อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อม และต้อกระจกอีกด้วย
 
ผลการวิจัยพบว่า ลูทีน และ ซีแซนทีน มีคุณสมบัติพิเศษ ทำหน้าที่เปรียบเสมือนกับตัวกรองแสงสีฟ้าและช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดอันตรายจากแสงสีฟ้าลงได้ อีกทั้งกำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายออกไป เป็นผลให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อมและโรคต้อกระจก
สารสกัดที่สำคัญที่ช่วย ดูแล "ดวงตา"ของคุณ

อาหารเสริม บำรุงสายตา G-VIZ เหมาะกับใคร 
– ผู้ที่มีการใช้ชีวิตติดจอโทรศัพท์ พูดคุยอัพเดทข่าวสารต่างๆ ผ่านทาง Social Media ตลอดเวลา
– ผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทอรนิกส์ต่างๆ เป็นเวลานาน
– ผู้ที่ใช้สายตามากๆ เป็นเวลาต่อเนื่อง เช่น อ่านหนังสือ หรือขับรถนานๆ 
– เด็กวัยเรียนและวัยเจริญเติบโต
– ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้
– ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจกและโรคจอรับภาพตาเสื่อม


 


 สารสกัดสำคัญ ใน G-VIZ 


สารสกัดจากดอกดาวเรือง
อุดมไปด้วยสาร LUTEIN & ZEAXANTHIN เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ประสิทธิภาพสูง 

ช่วยบรรเทาการผลกระทบจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย, ช่วยดูดซับแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายต่อตาและหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากลำแสง ที่มากระทบดวงตา

Citrus Bioflavonoid
จัดเป็นวิตามินละลายน้ำได้ ช่วยป้องกันการเกิด "ต้อกระจก"ชะลอการแก่ก่อนวัยและลดอาการอักเสบของเซลล์เยื่อหุ้มสมอง




BILBERRY

ในบิลเบอร์รีมีสารอาหารสำคัญอาทิ ไอโอฟลาโวนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี สังกะสี ซีลีเนียม แมงกานิส แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส ซึ่งสารอาหารและแร่ธาตุที่สำคัญเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย แต่บิลเบอร์รีมีความเลื่องลือมากที่สุดเห็นจะเป็นสรรพคุณทางด้านบำรุงสายตา
ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ เสริมสร้างหลอดเลือดและผนังหลอดเลือดฝอย เพิ่มสีจอประสาทตา จึงช่วยให้ตา ทนต่อแสงได้ดี  


บลูเบอร์รี่
มีส่วนประกอบของสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่ชื่อว่า แอนโทไซยานิน สารชนิดนี้มีคุณประโยชน์สูงเทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์  มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง ช่วยบำรุงจอตาเรตินา และบำรุงระบบหมุนเวียนเลือด บำรุงเส้นเลือดฝอยให้นำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงได้ดีขึ้น ผ่อนคลายความหนื่อยล้าของดวงตา เหมาะกับผู้ที่ใช้สายตาหนัก อยู่หน้าจอคอมจอทีวีจอมือถือหรือที่มีแสงเข้าตาจ้าเป็นประจำ


วิตามินอี
วิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล (Tocopherol) เป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน จัดเป็นหนึ่งในวิตามินที่สำคัญที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับ โดยวิตามินอีจะช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและการอุดตันของเส้นเลือด ลดการเกิดกระบวนการอักเสบในร่างกายที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ และยังมีฤทธิ์อื่นๆ อีกมากมาย มีหน้าที่เบื้องต้นเสมือนฟองน้ำที่คอยดูดซับอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อถูกทำลาย หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “สารต้านอนุมูลอิสระ”
ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ ของลูกตา และลดความเสี่ยงต่อการเป็น "ต้อกระจก" 




วิตามินซี (ascorbic acid)
จัดเป็นสารสำคัญที่มีผลต่อการทำงานหลายระบบของร่างกาย มีสรรพคุณหลายอย่าง อาทิ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดป้องกันโรคในระบบหัวใจ และหลอดเลือด และช่วยป้องกันโรคตับ และโรคไต เป็นต้น ทั้งนี้ วิตามินซีเป็นสารที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ แต่มักไม่เพียงพอกับความต้องการจึงจำเป็นต้องได้รับเพิ่มจากแหล่งอื่น เช่น พืชผัก และผลไม้ต่างๆ



เบต้าแคโรทีน
นับเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญสำหรับสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามีรายงานของการขาดเบต้าแคโรทีนเลย แม้ว่าการวิจัยจำนวนมากจะระบุว่า การเสริมด้วยเบต้าแคโรทีนใช้ในคนที่มีอาการขาดวิตามินเอ แต่ก็ยังคงไม่มีข้อมูลแน่ชัดที่แสดงถึงอาการขาดเบต้าแคโรทีน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และนักโภชนาการแนะนำว่าเราควรรับประทานเบต้าแคโรทีนเข้าสู่ร่างกายโดยการบริโภคผักสดและผลไม้สด
 

 
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1 ซอง
ผสมกับน้ำอุณหภูมิห้อง หรือ น้ำเย็น ประมาณ 100-200 มล.
 เลข อย.10-1-10858-1-0004
http://www.grandtripper.com/
เพจ https://goo.gl/78dYHw